ก่อนหน้านี้ "พุดสี" เดิมมีชื่อเรียกกันโดยทั่วไปว่า "พุดป่า" จนกระทั่งในปี 2544 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นพุดสีตามที่ระบุอยู่ในหนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย แต่ยังมีชื่อเรียกทางการค้าในตลาดต้นไม้กันว่า "พุดสีดา" ซึ่งสันนิษฐานกันว่า น่าจะมาจากลักษณะของผล ซึ่งมีลักษณะคล้ายผลฝรั่ง หรือ "บักสีดา" ในภาษาอีสาน
พุดสี (พุดสีดา)
พุดสี หรือพุดสีดาชนิดนี้ สามารถจำแนกออกจากพุดชนิดอื่นที่อยู่ในสกุลเดียวกันได้ง่าย เนื่องจากเมื่อผลแก่จะแตกแบะออก เปลือกผลด้านในมีสีแดงเข้ม ต่างจากพุดที่อยู่ในสกุลนี้ทั้งหมดซึ่งจะมีผลรูปรีคล้ายคลึงกัน และมีขนาดยาวประมาณ 3-4 ซม. เหมือนๆ กัน แต่เมื่อแก่แล้วจะไม่แตกออกเหมือนกับพุดสี
ดอกของพุดสี มีลักษณะคล้ายคลึงกับพุดชนิดอื่นๆที่อยู่ในสกุลเดียวกัน และมีสีเหลืองคล้ายคลึงกับพุดน้ำบุศย์(พุดน้ำบุษย์) แต่พุดสีมีขนาดของดอกเล็กกว่าและมีขอบกลีบเวียนซ้อนเกยกันมากกว่า
พุดสีชอบขึ้นกระจายอยู่บริเวณน้ำกร่อย ชายทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ระดับต่ำในภาคใต้ ทั้งชายฝั่งตะวันตกและชายฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะในบริเวณที่เป็นป่าชายเลน
![ต้นพุดสี (พุดสีดา, พุดป่า)](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEizNd9BqbTUIQRo4Iu_qiSM6h2uwbnC5bo6DngVKmL7_TOYIxyayKt1oYlJQ8_j2JPS3yIRti3Da6T8wrh-p-ZT1EvodMKKwPdavGp5NZJMnJBpz7fLfcJ5aTtFLgxN5pSZ0n6CNIapCnfa/w640-h640-rw/Gardenia-tubifera.jpg)
จังหวัดที่พบมากได้แก่ กระบี่ พังงา นอกจากนั้นยังพบบริเวณชายทะเลในภาคตะวันออก ที่จังหวัดชลบุรี และจันทบุรี นอกจากนี้ยังพบบริเวณริมน้ำตก ในอุทยานแห่งชาติปางสีดา ซึ่งเป็นพื้นที่ระดับสูงถึง 600 ม. อันผิดไปจากวิสัยของพรรณไม้ชนิดนี้ ที่ชอบขึ้นในบริเวณน้ำกร่อย
พุดสี (พุดสีดา) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gardenia tubifera Wall. ex Roxb. พุดสีเป็นพรรณไม้พื้นเมืองของไทย ในวงศ์ Rubiaceae สกุล Gardinia เช่นเดียวกับพุดชนิดอื่นๆ แต่พุดสีจะเป็นพรรณไม้ที่เจริญเติบโตช้าที่สุด และทรงพุ่มก็มีขนาดเล็กกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับชนิดอื่นในสกุลเดียวกัน เช่น คำมอกหลวง รักนา ผ่าด้าม พุด และพุดภูเก็ต
แต่พุดสี ก็มีลักษณะเด่นคือออกดอกตลอดปี จึงเหมาะที่จะปลูกเป็นไม้ประดับโชว์ทรงพุ่ม ไม้กระถาง และไม้ดอกลงแปลงประดับสำหรับบ้านที่มีพื้นที่ขนาดเล็กในอดีต
คนนิยมนำไม้ในสกุลพุดมาทำหวี ด้วยมีความเชื่อที่ว่า หวีที่ทำจากไม้พุดเมื่อนำมาหวีผมแล้วผมจะดกดำ โดยอ้างว่าไม้พุดนี้จะไม่สร้างประจุไฟฟ้าซึ่งจะช่วยให้เส้นผมมีสีดำขึ้น อยู่ได้นานมากขึ้น หรือเท่ากับช่วยป้องกันผมหงอกได้ช้าลง
แต่จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ การตัดไม้พุดเพื่อนำมาทำหวีจึงเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับการปลูกเป็นไม้ประดับและจำหน่ายซึ่งมีมูลค่ามากกว่า
ลักษณะพรรณไม้ของพุดสี
ต้นพุดสี มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 3-5 ม. แตกกิ่งมาก ทรงพุ่มแผ่กว้าง กิ่งโน้มลงต่ำ เปลือกสีเทาอมขาว มีช่องอากาศเป็นตุ่มขนาดเล็กทั่วไป เนื้อไม้เหนียว ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามเป็นคู่ รูปไข่กลับ กว้าง 5-8 ซม. ยาว 10-15 ซม. โคนใบสอบ ปลายใบเป็นติ่ง เรียวแหลม ผิวใบด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนนุ่ม สาก และมีเส้นกลางใบนูน
ดอกพุดสี ออกดอกเป็นดอกเดี่ยว โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด มีสีเหลืองนวลยาว 6-7 ซม. ปลายแยกเป็นกลีบ 6-8 กลีบ ส่วนใหญ่มี 7 กลีบ แต่ละกลีบรูปไข่กว้าง 2 ซม. ยาว 2.5 ซม. เรียงวนซ้าย
เมื่อบานใหม่ๆ ดอกมีสีเหลืองนวล ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม ดอกบานมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4-6 ซม. ออกดอกตลอดปีและมีดอกดกช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน
ผลพุดสี มีลักษณะเป็นผลรูปกลมแป้น มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4-5 ซม. ยาว 3.5 ซม. ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีดำ แตกเป็นแผ่น แบน เปลือกผลด้านในสีแดงเข้ม มีเมล็ดมาก
การขยายพันธุ์พุดสี สามารถขยายพันธุ์โดยวิธีการเพาะเมล็ด ปักชำ และตอนกิ่ง ปลูกลงแปลงกลางแจ้ง