โมกหลวง มีชื่อทางการ ว่า "โมกใหญ่" ซึ่งอ้างอิงตามข้อมูลชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย โดย เต็ม สมิตินันทน์ (ฉบับแก้ไขปรับปรุง พ.ศ. 2557) และยังมีชื่ออื่นที่เป็นชื่อพื้นเมือง หรือ ชื่อท้องถิ่น
อีกหลายชื่อ เช่น โมกเขา, โมกทุ่ง, มูกมันน้อย, มูกมันหลวง, มูกหลวง, พุด, พุทธรักษา, ยางพูด, ส่าตึ, หนามเนื้อ เป็นต้น
ชื่อวิทยาศาสตร์, ชื่อสามัญ ภาษาอังกฤษ
- โมกหลวง ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Holarrhena pubescens Wall. ex G.Don
- อยู่ในวงศ์ Apocynaceae
- มีชื่อสามัญ ภาษาอังกฤษ ว่า Mok Laung
- ชื่อพ้อง (Synonyms) : Holarrhena antidysenterica (L.) Wall. ex A.DC.
โมกหลวง (โมกใหญ่)
![ต้นโมกหลวง (โมกใหญ่) ไม้ดอกหอมไทย Holarrhena-pubescens](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXeTPsI0JV6NmN4Y6YFQuLd0p6imOLGz20DK1FCq4Cw3OepIKCFjXMy7_O6zqFPECN_fggo3mP6QKvIQ3g2p5DYHjYFxNUMCnhTz1eeOyzdY_XFOGTTR1F9UCEWeasK9yB5_uOpv4gnTWP/w640-h616-rw/Holarrhena-pubescens-1.jpg)
พบในแอฟริกาถึงอินเดีย เนปาล บังกลาเทศ พม่า จีน และภูมิภาคอินโดจีน สำหรับในประเทศไทย พบตามป่าผลัดใบ ป่าทุ่งหญ้า ป่าชายหาด หรือชายป่าดงดิบที่เป็นดินลูกรังหรือดินปนทราย ที่ระดับความสูงไม่เกิน 1,100 ม. ทั่วประเทศ ยกเว้นภาคใต้ ลงไปถึงจังหวัดตรัง และ สุราษฎร์ธานี
ข้อมูล ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้นโมกหลวง มีลักษณะเป็นไม้ต้นผลัดใบ ไม้ยืนต้น ขนาดกลาง สูง 15 เมตรลำต้นสีเทาขาว เปลือกเรียบ-เป็นสะเก็ดหนาเล็กน้อยและมีช่องอากาศหนาแน่น ทุกส่วนมีน้ำยางสีขาวขุ่น มีขนสั้นนุ่มตามกิ่ง แผ่นใบ ช่อดอก และกลีบเลี้ยงด้านนอก
ใบโมกหลวง ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปหอกหรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน โคนและปลายแหลมหรือแหลมยาว ท้องใบมีขนนุ่ม ใบอ่อนมีขนปกคลุมมาก แผ่นใบบาง มีขนสั้นนุ่มหรือเกลี้ยง ใบยาว 10-27 เซนติเมตร กว้าง 4-12 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ เส้นใบ 10-16 คู่ เส้นกลางใบและเส้นใบมองเห็นชัดเจน เส้นใบสีเหลือง ก้านใบยาว 0.2-0.6 เซนติเมตร ใบร่วงง่าย
![ต้นโมกหลวง](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitU3hl8HsHSQDmqG_VYRsrdR_krpXyvnw95WEhEMd3hm_IzZkjoLwJUCgeUXS2tmPjX98_ivgQdKQwca3KMooVCLrJ06NNZ4WEVETjdY-PcndlVYqMLuKhPDV-D5ZzU0ldeykSteAD2fA0/w640-h482-rw/Holarrhena-pubescens-2.jpg)
ดอกโมกหลวง ออกดอกเป็นช่อกระจุก ออกใกล้ปลายกิ่ง มี 5 กลีบ แต่ละช่อมีหลายดอก ช่อดอกยาวประมาณ 4-11 เซนติเมตร ดอกขนาด 2.5-3.5 เซนติเมตร ดอกสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน บางครั้งจะมีแต้มสีชมพู ดอกมีกลิ่นหอม
ก้านช่อยาว 0.6-1.7 เซนติเมตร ช่อดอกห้อยลง กลีบดอก มี 5 กลีบ โคนเชื่อมเป็นหลอดเล็ก ๆ ยาว 9-11.5 มิลลิเมตร กลีบดอก เรียงซ้อนเหลื่อมกัน เวียนซ้าย ผิวด้านนอกมีขนสีขาว
![ดอกโมกหลวง](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6goscIJyodAHQaJ9MPmj6Yt1XvdGYTIQdEDuYZua9RcZ70VkbjdkLef69HwbFLVynoOetC08YwQhQg1GuxYTqSWcwAah9KNDDGx6lIcDiqHl95IxjmdYBwgeX2pxDU7x3AQFldZ6HStO1/w640-h478-rw/Holarrhena-pubescens-3.jpg)
เกสรเพศผู้มี 5 อัน เชื่อมกับหลอดกลีบดอก ก้านชูเกสรสั้น มีขน ที่ฐาน อับเรณูแคบแหลม เกสรเพศเมีย มีรังไข่เหนือวงกลีบ มี 2 ห้อง แยกกัน ยอดเกสรเชื่อมกัน
ก้านเกสรตัวเมีย 1.8-2.5 เซนติเมตร ไม่มีหมอนรองดอก กลีบเลี้ยง มี 5 กลีบ ขนาด 2-4 มิลลิเมตร แคบและแหลม มีต่อมประปราย โคนเชื่อมกันเล็กน้อย ปลายแยก มีขนสีขาว
ผลโมกหลวง ผล เป็นฝักยาวออกเป็นคู่ ขนาดกว้าง 0.3-0.8 เซนติเมตร ยาว 18-43 เซนติเมตร รูปกระบอกแคบ ห้อยเป็นคู่โค้ง มีช่องอากาศกระจาย แตกตามยาวเป็นตะเข็บเดียว ปลายฝักแหลม โคนฝักแบน
เมล็ดโมกหลวง เมล็ดจำนวนมาก เมล็ดมีพู่ขนติดที่ปลายด้านหนึ่ง
![ฝักแก่ ฝักโมกหลวง](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9QQYbRD9ipArpq4novvNPRHSPNo2uNdxH_HKL6L2yboCekEPHxSUvprtiq-gAEERMpu5dk-wiBoJn0eATwhf0XIJJmZ7y8QvmMOAAaZ8bBK32XplpUav6s7EteOL-J7yI_SCU9j5Salu9/w630-h640-rw/Holarrhena-pubescens-4.jpg)
ประโยชน์ โมกหลวง สรรพคุณ ทางสมุนไพร
ชื่อสมุนไพร โมกหลวง ส่วนที่ใช้ทำยา เปลือกต้น
สรรพคุณของแต่ละส่วนที่ใช้ทำยา เปลือกต้น รสขมร้อนฝาดเมา แก้บิดมูกเลือด รู้ปิดธาตุแก้เสมหะเป็นพิษ บำรุงธาตุแก้ไข้จับสั่น
รายงานการวิจัยในปัจจุบัน สารสกัดจากเปลือกต้นมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคในลำไส้สาร alkaloids จากเปลือกต้นและ เมล็ดมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและระงับอาการท้องร่วง
สารสำคัญ เปลือกต้นโมกหลวงมีสารสำคัญคือ conessine และสารประกอบ steroidal alkaloids อื่นอีกหลายชนิด
![เปลือกต้นโมกหลวง](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj0Jbt82j82VpaIwD6wLNf45dbjyFO8KEdMXJ4hwozWUpeHNzzICeFNKT85N5jENH-3b8Fs6-8PE2ue4mQOz-0ML5njf4CkvCjiVCAJtECgqazaEuk_piHZ6LXOPf7upOS6GoDR390oJHew/w640-h478-rw/Holarrhena-pubescens-5.jpg)
สรรพคุณ โมกหลวง
- เปลือกและใบ : รักษาโรคหิต
- เนื้อไม้ : แก้ไข้มาลาเรีย
- ตำรับ ยาไข้กำเดาใหญ่ แก้ไข้กำเดาใหญ่
วิธีปลูก โมกหลวง และการขยายพันธุ์
พื้นที่เหมาะสมในการปลูกต้นโมกหลวง ในประเทศไทย พื้นที่ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ปลูกได้ทุกจังหวัดของประเทศไทย
การคัดเลือกพันธุ์ (โมกหลวง พันธุ์ต่าง ๆ ที่นิยมปลูกในประเทศไทย) พันธุ์ที่ใช้เป็นยา พันธุ์พื้นบ้านทั่วไป
การขยายพันธุ์โมกหลวง
โมกหลวง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดโมกหลวงจะมีฝักเมื่อแก่จะแตก ภายในมีเมล็ดมีขนปุยปลิวตามลมได้นำเมล็ด มาเพาะในกระบะเพาะชำก่อน เมื้อต้นมีขนาดประมาณ 5 เซนติเมตร จึงแยกลงถุงเพาะชำที่มีดินผสมอยู่ นำไปไว้ใน เรือนเพาะชำ และรดน้ำให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ประมาณ 10 – 12 เดือน จึงนำลงปลูกต่อไป
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูก ปลูกได้ทุกฤดูกาล แต่นิยมปลูกฤดูฝนในช่วงเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม
การเตรียมดิน โดยการขุดหลุมกว้าง 50 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร รองก้นหลุม ด้วยปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักคลุกเคล้ากับดินก้นหลมุ ควรปลูกห่างกัน 4 - 5 เมตร
วิธีปลูก โมกหลวง
วิธีปลูกต้นโมกหลวง ควรปลูกกลางแจ้ง เมื่อเตรียมหลุมเรียบร้อยแล้ว นำต้นโมกหลวงลงปลูกกลบดินปักไม้พยุงต้นผูกเชือก และรดน้ำ ให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
การดูแล ต้นโมกหลวง
- การให้ปุ๋ย เมื่อปลูกได้ 30 วัน ก็ทำการพรวนดินและใส่ปุ๋ย จะใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก
- การให้น้ำ ถ้าปลูกฤดูฝนควรปล่อยตามธรรมชาติได้
- การกำจัดวัชพืช ควรทำพร้อมกับการพรวนดินและใส่ปุ๋ย
- การป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูโมกหลวงเป็นไม้ป่าไม่ค่อยจะมีโรคและแมลงรบกวนมากนัก จึงไม่จำเป็นต้องใช้สารฉีดพ่น เพื่อป้องกันโรคและแมลงศัตรู
![สมุนไพร เปลือกโมกหลวง](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgxFtkzTbUCWZH-ZVta7wZD0RIB9A4keK8OWJqnQnTsyp4tTyesFxgiBwae3ATyjw3mJQiMwCAd_oDWhdfZ5xVIsyNStUv-2ApLEiUWObmzhoWyxuzoxwjT4ZkSky-5-boVpdt20rXYLJ0I/w640-h458-rw/Holarrhena-pubescens-6.jpg)
การเก็บเกี่ยวโมกหลวง แปรรูป เก็บรักษา
- ฤดูกาลการเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวได้ทุกฤดูกาล โมกหลวงใช้เปลือกทำยาจะต้องมีอายุ 5 – 7 ปีขึ้นไป
- วิธีการเก็บเกี่ยว โดยการถากเปลือกส่วนใดส่วนหนึ่งของต้น แล้วทาปูนแดง หรือปูนขาวป้องกันโรคเชื้อรา แล้วนำเปลือก เพื่อส่งแปรรูปต่อไป
- การแปรรูปหลังการเก็บเกี่ยว เมื่อได้เปลือกโมกหลวงมาแล้ว นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ และตากแดด 4 – 5 วัน จนแห้ง แล้วนำไปอบอีกครั้งจนแห้งสนิท
- การบรรจุและการเก็บรักษา เมื่อได้เปลือกโมกหลวงแห้งมาแล้ว นำบรรจุใส่กระสอบโปร่ง ๆ หรือถุงปุ๋ย ใหม่ๆ เพื่อส่งจำหน่ายต่อไป หรือเก็บไว้ในห้องที่มีอุณหภูมิปกติ
อ้างอิง