✓กล้วยไม้ป่า: เอื้องสายล่องแล่ง ลักษณะ ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน?
เอื้องสายล่องแล่ง
เอื้องสายล่องแล่ง พบครั้งแรกบนเทือกเขาหิมาลัย
ชื่อวิทยาศาสตร์
เอื้องสายล่องแล่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Dendrobium aphyllum (Roxb.) C.E.C.Fisch. อยู่ในสกุล Dendrobium จัดอยู่ในวงศ์ Orchidaceae วงศ์ย่อย : EPIDENDROIDEAE เอื้องสายล่องแล่ง เป็นพันธุ์พืชที่เราจัดไว้ในกลุ่มไม้ดอกหอม
กล้วยไม้ป่าสกุลนี้ทั่วโลกพบ 1,586 ชนิด ในเมืองไทยพบอย่างน้อย 166 ชนิด ชื่อสกุล Dendrobium มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 2 คำ คือคำว่า dendro แปลวา ไม้ต้น และคำว่า bios แปลว่า สิ่งมีชีวิต ความหมายก็คือ "สิ่งมีชีวิตที่อาศัยบนต้นไม้"

Photo by Natureman Thaimountain
ส่วนคำระบุชนิด aphyllum มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 2 คำ คือคำว่า a แปลว่า ไม่มี และคำว่า phyllon แปลว่า ใบ ความหมายก็คือ "ช่วงออกดอก จะผลัดใบจนหมด"
ชื่อไทย
ชื่อทางการของพืชชนิดนี้ (อ้างอิงจาก ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันท์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2557) มีชื่อไทยว่า เอื้องงวงช้าง
และมีชื่ออื่น (ชื่อพื้นเมือง, ชื่อท้องถิ่น) ว่า เอื้องย้อยไม้ , เอื้องสายไหม(ภาคเหนือ) ; เอื้องล่องแล่ง(เชียงใหม่) ; เอื้องงวงช้าง(แม่ฮ่องสอน) ; พอทุกิ(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; มอกคำเครือ(เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) ; เอื้องไข่เน่า , เอื้องสายไม้(ลำปาง)
ถิ่นกำเนิด
ต้นเอื้องสายล่องแล่ง ในประเทศไทย พบอิงอาศัยตามต้นไม้ในป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้งที่มีความสูงจากระดับทะเลฯตั้งแต่ 400-1,400 เมตร ทั่วทุกภาค
การแพร่กระจายพันธุ์เอื้องสายล่องแล่ง
พบในประเทศอินเดีย บังกลาเทศ หมู่เกาะอินเดีย เนปาล จีน เมียนมา ภูมิภาคอินโดจีน(ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) และมาเลเซีย

Photo by Natureman Thaimountain
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของเอื้องสายล่องแล่ง
- ลักษณะวิสัย: Epiphytic Orchid กล้วยไม้ที่เกาะอาศัยอยู่บนต้นไม้
- ลำต้น: ลำลูกกล้วยรูปแท่งกลม ผอมเรียวยาว ห้อยลงเป็นสาย ขึ้นอยู่ชิดติดกันเป็นกลุ่ม
- ใบ: ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น หรือเป็นเกลียว รูปไข่แกมรี หรือรูปใบหอกแกมรูปไข่
- ดอก: ออกดอก 1-2 ดอก ตามข้อเกือบตลอดต้นดูคล้ายเป็นช่อ ขนาดดอก 3-5 ซม. กลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกสีชมพูอ่อน สีม่วงอ่อน หรือสีม่วงระเรื่อๆ ปากดอกขนาดใหญ่ผายบานเป็นรูปไข่กว้างหรือเกือบกลม มีสีขาวครีม สีขาวอมเหลืองจางๆ หรือสีม่วงจาง ขอบปากดอกหยักริ้วและมีขนสั้นละเอียดสีเหลืองอ่อน โคนปากดอกมีเส้นประสีม่วงจำนวนมาก ออกดอกในราวเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนเมษายน
อ้างอิง: Natureman Thaimountain, Forest Botany Division (BKF), Plants of the World Online (POWO)