ต้นยางน่องเถา สวยซ่อนพิษ ลักษณะ ประโยชน์ สรรพคุณ ราคา?
ต้นยางน่องเถา คือต้นอะไร
ต้นยางน่องเถา หรือ ยางน่องเครือ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Strophanthus caudatus (L.) Kurz เป็นพืชวงศ์เดียวกับบานบุรีและยี่โถ (Apocynaceae Lour.) พบครั้งแรกที่อินโดจีน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1790 ในบ้านเรา หมอคาร์พพบตั้งแต่ปี ค.ศ. 1939
สำหรับชื่อสกุล Strophanthus มาจากคำว่า Strophos กับ Anthos หมายถึงลักษณะของดอกที่มีกลีบดอกเป็นสายยาวและบิดเป็นเกลียว ส่วนคำระบุชนิดว่า caudata แปลว่า มีหาง หรือ มีรยางค์คล้ายหาง
สกุลนี้ มีทั้งหมดด้วยกัน 38 ชนิด ในแอฟริกา มาดากัสการ์และเอเซีย
สำหรับในประเทศไทย พบเพียง 3 ชนิดเท่านั้น แต่ดอกไม่สวยเท่า คือ มังกรเหลือง (Strophanthus perrakensis Scott. Ex King & Gamble) และมังกรแดง (Strophanthus wallichii A. DC.)
ลักษณะ ยางน่องเถา
ต้นยางน่องเถา หรือยางน่องเครือ เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง ขนาดใหญ่ อาจเลื้อยยาวได้ถึง 12 เมตร มีน้ำยางใส หรือสีขาว ใบเดี่ยวออกตรงข้าม รูปรีรูปไข่กลับหรือรูปไข่
ดอกยางน่องเถา ดอกออกที่ปลายยอดแบบช่อกระจุก มี 5-25 ดอก ดอกยางน่องเถา ดอกสีขาว โคนดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปไข่กว้าง มีเส้นสีแดงพาดที่แกนกลางของกลีบดอก ด้านในถึงปลายกลีบ
ปลายกลีบแคบเข้าจนเป็นสายยางสีแดง บิดเป็นเกลียว มีมงกุฏสีขาว เกสรเพศผู้เป็นขนละเอียด เชื่อมติดกัน
ผลเป็นฝักคู่แบบแตกแนวเดียว รูปขอบขนาน เมล็ดมีจงอยและกระจุกขน ออกดอกช่วงเดือนเมษายนมิถุนายน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับและสมุนไพร
การใช้พิษ ยางน่องเถา
เมื่อเอ่ยถึงยางน่องเถา หลายท่านที่อ่านนวนิยาย เรื่อง เพชรพระอุมา ของพนมเทียน หรือได้ยินได้ฟังจากชาวเขาเผ่าต่าง ๆ มักจะกล่าวถึงยางน่องเถาว่า สามารถนำยางไปชุบปลายหอก ปลายดาบ หรือหัวลูกศร ลูกธนู สำหรับเป็นอาวุธป้องกันตัว หรือล่าสัตว์
และถ้าย้อนกลับไปในอดีตทั้งในแอฟริกาและเอเซีย สมัยก่อนอาจมีการใช้ยางผสมพิษอย่างอื่นเข้าไปด้วยเพื่อการล่าสัตว์ หรือ ล่ามนุษย์ด้วยกัน
เมื่อสัมผัสกับบาดแผล พิษของยางน่องเถาจะซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เหยื่อถึงตายได้ นั่นคือเป็นการใช้ประโยชน์จากยางน่องเถาเมื่อหลายร้อยปีก่อน ก่อนที่จะมีอาวุธปืนที่ร้ายแรงอย่างที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
พิษของยางน่องเถา
เกิดจากสารไกลโคไซด์ในน้ำยาง ชื่อว่า G-strophanthin หรือ Quabain มีฤทธิ์ต่อระบบหัวใจและโลหิต ทำให้หัวใจเต้นช้าลง หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ จนอาจถึงหัวใจวายตายได้ หากกัดกิน กิ่ง ใบ ต้นของยางน่องเถาเข้าไป
สรรพคุณ
สารพิษดังกล่าวมีการนำไปใช้เป็นยาพื้นบ้าน มีสรรพคุณเพื่อรักษาโรคบางอย่างด้วย ในยุโรปบางประเทศใช้เมล็ดของต้นยางน่องเถา เป็นยาออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ และทำเป็น ยาฉีดรักษาโรคหัวใจด้วย แต่มีความเป็นพิษสูง ไม่สมควรใช้โดยไม่ปรึกษาแพทย์
ประโยชน์ ยางน่องเถา
นอกจากนี้ยังมีการนำเถาที่มีขนาดใหญ่ เนื้อไม้สีขาว เสี้ยนตรง เนื้ออ่อน ใช้ทำเป็นหีบใส่ของ รองเท้าไม้และเครื่องเล่นต่าง ๆ ได้
ส่วนเปลือกให้เส้นใยละเอียดสีขาว ใช้ทำเชือก เยื่อกระดาษ ทุบทำเป็นที่นอน ผ้าห่ม และเสื้อกางเกงของพวกชาวเขาเผ่าม้ง มูเซอ และเงาะป่า ได้ด้วย (ข้อมูลจาก ศศิวิมล แสวงผล วารสารพรรณพฤกษา ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-กันยายน พ.ศ. 2554)
พืชในสกุลนี้ หลายชนิดที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในบ้านเรามาช้านานแล้ว คือ แย้มปีนัง (Strophanthus gratus Wall. & Hook.) ซึ่งดอกสวยงาม และมีกลิ่นหอม สามารถสั่งซื้อออนไลน์ ราคาถูก ได้ที่ ลาซาด้า
ส่วนอีกชนิดหนึ่งที่เพิ่งนำเข้ามาจากแอฟริกาที่เรียกกันว่า เคราฤาษี (Strophanthus preussii Engl. & Pax.) ต้นนี้เป็นไม้เถาขนาดเล็ก ปลูกประดับกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีดอกคล้ายยางน่องเถา และกลีบดอกมีหางยาวบิดเป็นเกลียว ยาวได้ถึง 30 เซนติเมตร
ผู้เขียนรู้จักยางน่องเถามากกว่า 30 ปีแล้ว แต่ไม่สวยสะดุดตามากนัก เพราะเป็นต้นที่กลีบดอกมีหางสั้น ยาวแค่ 3-4 เซนติเมตรเท่านั้น และได้ทราบจากคุณวิรัช จันทรัศมี อุปนายกสมาคมพืชสวนฯ ว่า พบยางน่องเถา ในป่าข้างไร่ของท่านที่ตำบลทะเลทรัพย์ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร
ซึ่งมีดอกสวยงามมาก จึงนำมาปลูกไว้ในไร่ ก่อนที่จะสูญหายไปเพราะการถางป่า คุณวิรัชได้ถ่ายรูปไว้ และนำช่อผลแห้งพร้อมกลีบดอกแห้ง ๆ ที่เป็นสายยาว ๆ มาให้ผู้เขียน
ผู้เขียนเห็นว่าน่าสนใจดี จึงจัดการแกะเมล็ดเล็ก ๆ ที่มีขนสีขาว ออกมาเพาะในกล่องพลาสติกที่ปูด้วยกระดาษทิชชูหลาย ๆ ชั้น และใช้ทิชชูปิดทับด้านบนด้วย เพราะเมล็ดเล็ก
เกรงว่าถ้าเพาะในดิน อาจจะงอกน้อย เพราะควบคุมความชื้นได้ยาก 2 เดือนต่อมา มีต้นงอกออกมา กว่า 20 ต้น จึงแยกปลูก และแจกจ่ายต้นไปหลายแห่ง
แบ่ง 2 ต้น ไปปลูกที่สวนหลวง ร.9 ปรากฎว่า ออกดอกมาให้ดูแล้ว สวยงาม มีหางยาวพอ ๆ กับที่คุณวิรัชส่งภาพถ่ายมาให้ดู มีหางยาวประมาณ 20 เซนติเมตร
นับว่าดอกยางน่องเถา กลีบดอกมีหางยาวสีแดงสะดุดตามาก แต่ละดอกจะบานอยู่ได้ 2-3 วัน เริ่มจากสีขาว แล้วเปลี่ยนเป็นสีแดง และเป็นสีม่วงเมื่อโรย
แต่เนื่องจากแต่ละช่อมีหลายดอก จึงบานให้ดู ทะยอยไปเรื่อย ๆ ราวเดือนกว่าจึงบานหมดทั้งต้น เห็นว่าควรขยายพันธุ์ไว้ปลูกประดับกันต่อไป เพราะเป็นต้นที่สวยงามมาก ต้นสูงเพียง 2-3 เมตร หลังจากงอกจากเมล็ดก็เริ่มออกดอกแล้ว