Lazada Flash Sale

โปรฟ้าผ่า!! รับซัมเมอร์

ลดแรงกว่า 90%* ช้อปเลย »

✓ต้นไม้: 'พรหมจุฬาภรณ์' (กลายขาวจิ๋ว) ดอกเล็กที่สุดในสกุล?

"พรหมจุฬาภรณ์" พรหมชนิดใหม่ นามพระราชทาน เป็นพรรณไม้ดอกหอมถิ่นเดียวของไทย พืชชนิดใหม่ของโลก ในสกุลมหาพรหม (Mitrephora) วงศ์กระดังงา จากป่าหินปูนในจังหวัดนครศรีธรรมราช

ดอกพรหมจุฬาภรณ์ ดอกมีขนาดเล็กที่สุดในสกุล ดอกสีขาวและจะเปลี่ยนเป็นสีครีมเมื่อดอกมีอายุมากขึ้น ดอกมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นดอกโมก (เคยมีชื่อเรียกก่อนหน้านี้ว่า กลายขาวจิ๋ว )

พรหมจุฬาภรณ์

พรหมจุฬาภรณ์ พรหมชนิดใหม่ นามพระราชทาน ไม้ดอกหอมถิ่นเดียวของไทย
ภาพ* : Marty Siamocananga

เมื่อวันที่ 18 ส.ค.62 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แถลงข่าวการค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลก ได้รับพระราชทานนาม "พรหมจุฬาภรณ์"

รายละเอียดเพิ่มเติม

โดยมี รศ.ดร.สัมพันธ์ สิงหราชวราพันธ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่พร้อมด้วย รศ.ดร.คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ศ.ดร.ธรณินทร์ ไชยเรืองศรี คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะนักวิจัย นำโดย อาจารย์ ดร.ธนวัฒน์ เชาวสกู ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์และเกี่ยวข้อง ร่วมแถลง

ด้วยคณะนักวิจัยนำโดย อาจารย์ ดร.ธนวัฒน์ เชาวสกู สังกัดภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมด้วย นางสาว อานิสรา ดำทองดี นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาความหลากหลายทางชีวภาพและชีววิทยาชาติพันธุ์ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนาย กิติศักดิ์ อ๋องย่อง นักวิจัยอิสระ

ได้ดำเนินโครงการวิจัยเรื่อง "อนุกรรมวิธานและวิวัฒนาการชาติพันธุ์ของพรรณไม้วงศ์กระดังงา (Annonaceae) ในประเทศไทย ที่หายากและยังไม่เป็นที่รู้จัก เพื่อการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน"

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำหนังสือพรรณพฤกษชาติแห่งประเทศไทย (Flora of Thailand) และได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากฝ่ายวิชาการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) หรือชื่อใหม่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ภายใต้ทุนส่งเสริมนักวิจัยรุ่นใหม่

ในการวิจัยครั้งนี้ ได้พบพืชชนิดใหม่ของโลก ในสกุลมหาพรหม (Mitrephora (Blume) Hook. f. & Thomson) จากป่าบนเขาหินปูนในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งพืชชนิดนี้มีลักษณะเด่นคือ เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 2 เมตร มีดอกขนาดเล็กที่สุดในสกุล ขนาดเส้นผ่านศูนย์กางไม่เกิน 1 เซนติเมตร

กลีบดอกชั้นในประกบกันเป็นรูปโดม 1 เซนติเมตร ดอกสีขาวเด่นและเปลี่ยนเป็นสีครีม เมื่อดอกมีอายุมากขึ้น กลิ่นหอมปานกลางคล้ายกลิ่นดอกโมก กลีบดอกชั้นในประกบกันเป็นรูปโดม โคนกลีบคอด เผยให้เห็นช่องว่างระหว่างกลีบ ผลเมื่อสุกสีแดงอมส้ม

ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ทรงสนพระทัยการศึกษาวิจัยในสาขาวิทยาศาสตร์เคมี วิทยาศาสตร์ชีวภาพและการแพทย์ และวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสหสาขาวิทยาศาสตร์ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ

โดยทางเริ่มการก่อตั้งสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์เพื่อสนับสนุนการศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์ในสาขาดังกล่าว อันมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษยชาติ กอปรกับ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จึงได้กราบทูลขอพระราชทานนามไทย "พรหมจุฬาภรณ์" สำหรับพืชชนิดใหม่ของโลกชนิดนี้ และกราบทูลขอพระราชทานนาม ระบุชนิด “chulabhorniana” เพื่อเป็นชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mitrephora chulabhorniana Damth., Aongyong & Chaowasku ซึ่งได้รับพระราชทานนามทั้งสอง อันเป็นเกียรติแก่คณะผู้วิจัยและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นอย่างยิ่ง

พรหมจุฬาภรณ์ พรหมชนิดใหม่ นามพระราชทาน ไม้ดอกหอมถิ่นเดียวของไทย
ภาพ* : [2]

พรหมจุฬาภรณ์ พรหมชนิดใหม่ ในสกุลมหาพรหม (Mitrephora)

พรหมจุฬาภรณ์ (Mitrephora chulabhorniana Damth., Aongyong & Chaowasku) ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ Brittonia เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2562 เป็นพันธุ์ไม้ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งยวด (critically endangered) พบเพียงไม่กี่ต้น บริเวณป่าดิบแล้งบนเขาหินปูนขนาดเล็กในอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่นอกเขตอนุรักษ์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ระบบนิเวศเขาหินปูนนั้นเป็นระบบนิเวศที่เปราะบาง มักพบสิ่งมีชีวิตที่จำเพาะ กล่าวคือ ไม่พบที่อื่นใดอีก เมื่อถูกคุกคามมีโอกาสสูญพันธุ์สูง เขาหินปูนที่พบต้นพรหมจุฬาภรณ์นี้ จึงมีโอกาสถูกคุกคามในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากการขยายตัวของสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน หรือแม้กระทั่งการระเบิดหินปูนเพื่อการใช้ประโยชน์

จึงสมควรอย่างยิ่งที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งคนไทยทุกคนต้องช่วยกันหวงแหนเขาหินปูน ในประเทศไทย เพื่ออนุรักษ์ไม่ให้สิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่นสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยและจากโลก

นอกจากนี้ยังสามารถใช้เทคโนโลยีชีวภาพ โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช เพื่อช่วยขยายพันธุ์ต้นพรหมจุฬาภรณ์ให้มีจำนวนมากขึ้น และนำไปปลูกอนุรักษ์ไว้ในสวนพฤกษศาสตร์ หรือสถานที่่ราชการต่างๆ เป็นการลดโอกาสการสูญพันธุ์ของต้นพรหมจุฬาภรณ์

การค้นพบ "พรหมจุฬาภรณ์" จัดได้ว่า เป็นงานวิจัยพื้นฐานที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาต่อยอดในสาขาต่างๆ เปรียบเสมือนกับต้นน้ำที่ค่อยๆ ไหลไปยังกลางน้ำและปลายน้ำ

ซึ่งก็คือการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ถ้าขาดพื้นฐานแล้ว ประเทศชาติย่อมขาดโอกาสในการพัฒนาต่อยอด การพัฒนายารักษาโรคจากพืชสมุนไพรก็เป็นหนึ่งในแนวทางการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน

เนื่องจากพบว่าพืชสกุลมหาพรหมหลายชนิด มีสารเคมีทุติยภูมิที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง จึงเป็นที่สนใจว่าต้นพรหมจุฬาภรณ์ก็อาจมีสารเคมีทุติยภูมิที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง และอาจพัฒนาเป็นยาต้านมะเร็งได้ในอนาคต

ซึ่งการรักษาโรคมะเร็งและพัฒนายาต้านมะเร็งเป็นหนึ่งในพระปณิธานของ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย

อ้างอิง

  1. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  2. Anissara Damthongdee, Kithisak Aongyong, Tanawat Chaowasku. (Brittonia 2019). Mitrephora chulabhorniana (Annonaceae), an extraordinary new species from southern Thailand

รายละเอียดเพิ่มเติม