ไคร้น้ำ
ชื่อวิทยาศาสตร์
ไคร้น้ำ ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Homonoia riparia Lour. อยู่ในสกุล Homonoia (พืชสกุลนี้ทั่วโลกพบ 3 ชนิด ในไทยพบเพียงชนิดเดียว) จัดอยู่ในวงศ์ Euphorbiaceae ไคร้น้ำ เป็นพันธุ์พืชที่เราจัดไว้ในกลุ่มพืชสมุนไพร
ชื่อสกุล Homonoia มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 2 คำ คือคำว่า homos แปลว่า คล้องจองกัน หรือเป็นหนึ่งเดียวกัน และคำว่า nous แปลว่า จิตใจ ความหมายก็คือ“ลักษณะเกสรเพศผู้จำนวนมากที่เรียงแยกแขนงไปมาสอดคล้องกัน
ชื่อพ้อง (Synonyms)
![ไคร้น้ำ ลักษณะ ประโยชน์ สรรพคุณทางยา สมุนไพร](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgRGpgqihg-TQgcSllulLi24Bt4pE9KOe3kHXRN_RiGWGKx1iJZ_fW-kGzEfyncYy9JgpA-CHUlMOGOXhziQ3ou6VsGk_fZxyCMtSGnUrWdz-Qc3o9IuOUBLY2uQXm2e9iDoDjC77FMnX9OZQNR4BOQa16lVOJe3V-XF1VSMu3tm5XwJsNO3H1K4lP12g/w493-h640-rw/Homonoia-riparia.jpg)
Photo by Natureman Thaimountain
- Adelia neriifolia B.Heyne ex Roth
- Croton salicifolius Geiseler
- Haematospermum neriifolium (B.Heyne ex Roth) Wall. ex Voigt
- Haematospermum salicinum (Hassk.) Baill.
- Lumanaja juviatilis Blanco
- Ricinus salicinus Hassk.
- Spathiostemon salicinus (Hassk.) Hassk.
ชื่อไทย
ชื่อทางการของพืชชนิดนี้ (อ้างอิงจาก ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันท์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2557) มีชื่อไทยว่า ไคร้น้ำ และมีชื่ออื่น (ชื่อพื้นเมือง, ชื่อท้องถิ่น) ว่า ไคร้(ภาคเหนือ , ภาคกลาง) ; สี่ทีโค , เหี่ยที้(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; กะละแร(กะเหรี่ยง-เชียงใหม่) ; ไคร้หิน(ชุมพร) ; แร่(ตรัง) ; แกลแร(มลายู-นราธิวาส) ; กะแลแร(มลายู-ยะลา)
มีชื่อสามัญ ภาษาอังกฤษ ว่า Willow-leaved Water Croton
ถิ่นอาศัย
ต้นไคร้น้ำ ในประเทศไทย พบขึ้นเป็นดงตามโขดหินริมลำห้วยลำธาร แม่น้ำ และชายฝั่งทะเลที่น้ำท่วมถึง ทั่วทุกภาค (ไม่พบในลำธารที่ท้องน้ำเป็นดินตะกอนในเขตที่ราบ)
การแพร่กระจายพันธุ์ไคร้น้ำ
ต้นไคร้น้ำ แพร่กระจายใน อินเดียด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ศรีลังกา บังกลาเทศ หมู่เกาะอันดามัน จีน ไต้หวัน เมียนมา ภูมิภาคอินโดจีน(ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และนิวกินี
![ไคร้น้ำ ลักษณะ ประโยชน์ สรรพคุณทางยา สมุนไพร](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3WJ1nQBTcFT2DlzR83tGEopBSkBEiQG9cUK8nc_f0Yy1hyvyT76QQjh2a_F383QhPEk6qI3G2EjMfXBCKUFxM_w3a47mllrGmCddugcoiAg_oxOV0P3UUUzOx6Q30XleTGMLXdKKitrQoYgOGBnsG9G2X0l2JbsZlUfcxEM-Czzp4dZHscrr2RfJdxw/w640-h480-rw/Homonoia-riparia-2.jpg)
Photo by Forest Botany Division (BKF)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของไคร้น้ำ
- ลักษณะวิสัย: ไม้พุ่มทนน้ำท่วม ตั้งตรงสูง 1.5-4 เมตร หรือสูงได้ถึง 7 เมตร
- ลำต้น: แตกกิ่งหนาแน่น
- ใบ: ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น หรือเป็นเกลียว รูปใบหอก หรือรูปแถบ
- ดอก: ออกดอกเป็นช่อเชิงลดห้อยลงตามซอกใบ มีดอกย่อยขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก ดอกแยกเพศและมักอยู่ต่างต้นกัน ไม่มีกลีบดอก คงมีแต่กลีบเลี้ยงสีแดงอมม่วง ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อเรียวยาวราว 3-14 ซม. ขนาดดอก 0.5 ซม. กลีบเลี้ยง3กลีบ รูปรี รูปไข่ หรือรูปกลม ส่วนดอกเพศเมียออกเป็นช่อกระจุกยาว 3-4 ซม. ขนาดดอก 0.2 ซม. มีกลีบเลี้ยง 5-8 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อมกัน รูปไข่ หรือรูปขอบ ออกดอกในราวเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนเมษายน
- ผล: ผลรูปกลม ขนาด 0.3-0.8 ซม. มี3พู และมีขนสั้นนุ่มปกคลุม ผลแห้งแตกออกเป็น3ซีก
ประโยชน์ สรรพคุณทางยา สมุนไพร
- เนื้อไม้ : ใช้เข้ายา (ต้ม) แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ราก : ตำเอาน้ำทาเป็นยาห้ามเลือด, ต้มน้ำดื่มเป็นยาแก้ท้องร่วง แก้บิด และเป็นยาสมานท้อง;
- เปลือก : เป็นยาสมานแผล ยาสมานท้อง, ฝนกับน้ำปูนใสกินเป็นยาฝาดสมานแผลภายใน แก้น้ำเหลืองเสีย;
- ยางจากลำต้น : ใช้สมานแผล แก้บิด ปิดธาตุ แก้น้ำเหลืองเสีย และฝีในท้อง;
- แก่น : ใช้แก้กระษัย แก้เลือดลม;
- ใบ : ตำพอกหรือทา หรือต้มน้ำอาบแก้บาดแผลพุพองตามร่างกายของเด็ก
- กิ่งหรือลำต้น : แก้ปวดฟัน
- ใบ : แก้ไข้ตัวร้อน ที่มีอาการนอนกระสับกระส่าย ช่วยถอนพิษไข้
- ตำรับ ยาขับนิ่วในไต-ทางเดินปัสสาวะ ช่วยขับนิ่วในไต และทางเดินปัสสาวะ ช่วยล้างไต รักษาทางเดินปัสสาวะอักเสบ.
อ้างอิง: Natureman Thaimountain, Forest Botany Division (BKF), Plants of the World Online (POWO)