✓ต้นไม้: จิกน้ำ (กระโดนน้ำ) ลักษณะ ประโยชน์ กินได้ สรรพคุณ
*ดูราคาต้นไม้ ขายพันธุ์ไม้ หายาก ราคาถูก ...
👉 ดูเพิ่มเติมที่ร้านค้า

จิกน้ำ, กระโดนน้ำ (Itchy tree, Indian oak)
ชื่อวิทยาศาสตร์ (ชื่อพฤกษศาสตร์)
จิกน้ำ (กระโดนน้ำ) ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Barringtonia acutangula (L.) Gaertn. จัดเป็นพืชในสกุล Barringtonia อยู่ในวงศ์จิก (Lecythidaceae) ซึ่งพันธุ์พืชนี้ ทางเราจัดไว้ในกลุ่มสมุนไพร
ชื่อพ้อง (Synonyms)
- Barringtonia rubra Baill. ex Laness.
- Butonica acutangula (L.) Lam.
- Huttum acutangulum (L.) Britten
- Michelia acutangula (L.) Kuntze
- Stravadium acutangulum (L.) J.St.-Hil.
- Stravadium rubrum Pers.
- Caryophyllus acutangulus (L.) Stokes
- Eugenia acutangula L.
ชื่อไทย
ชื่อที่เป็นทางการ หรือ ชื่อราชการของพืชชนิดนี้ มีชื่อไทยว่า จิกน้ำ (อ้างอิงจากข้อมูลชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย; เต็ม สมิตินันท์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2557)
ต้นจิกน้ำ มีชื่อสามัญ (ภาษาอังกฤษ) ว่า Itchy tree, Indian oak
และยังมีชื่ออื่น ๆ ที่เป็นชื่อพื้นเมือง หรือชื่อท้องถิ่น ว่า จิก จิกนา จิกน้ำ (ภาคกลาง, ภาคใต้, นครราชสีมา), กระโดนสร้อย (พิษณุโลก), ตอง ปุยสาย (ภาคเหนือ), ลำไพ่ (อุตรดิตถ์), กระโดน กระโดนน้ำ กระโดนทาม กระโดนทุ่ง (อีสาน), ดัมเรียง เดิมเรียง (เขมรอ.ท่าตูม สุรินทร์), กระโด๊ะ (ส่วย-อ.ท่าตูม สุรินทร์)
นิเวศวิทยา
ต้นจิกน้ำ (กระโดนน้ำ) ในประเทศไทยพบขึ้นตามที่โล่งแจ้ง ริมน้ำ ชายป่า หรือตามทุ่งนาในเขตที่ราบน้ำท่วมถึง พบมากในป่าบุ่งป่าทาม เป็นไม้เบิกนำที่สำคัญของป่าบุ่งป่าทามเมื่อป่าถูกทำลาย ขึ้นที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 500 ม.
การกระจายพันธุ์
การกระจายพันธุ์ของจิกน้ำ (กระโดนน้ำ) ในไทยพบได้ง่ายทั่วประเทศ ต่างประเทศพบในภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตอนเหนือของทวีปออสเตรเลีย
จิกน้ำ (กระโดนน้ำ) ออกดอกเดือนไหน
ต้นจิกน้ำ (กระโดนน้ำ) ออกดอกช่วงเดือนพฤศจิกายน - กรกฎาคม ผลแก่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของจิกน้ำ (กระโดนน้ำ)
- ลักษณะวิสัย: ไม้พุ่มหรือไม้ต้น สูง 5-15 ม.
- ลำต้น: เปลือกเรียบ-แตกเป็นร่องตื้นตามยาว สีน้ำตาลอ่อน เปลือกชั้นในมีเส้นใยเหนียวตามยอด ใบ และช่อดอกเกลี้ยง
- ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียนเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง รูปหอกกลับ-ไข่กลับ ยาว 9-20 ซม. ปลายใบมน-แหลม ขอบใบจักฟันเลื่อยถี่ โคนใบสอบ เส้นแขนงใบมีข้างละ 7-10 เส้น ก้านใบบวมหนา สีแดงอมม่วง ยาว 0.5-1 ซม. ใบแก่ก่อนร่วงสีส้ม-แดง
- ดอก: ช่อดอกแบบกระจะ ห้อยลง ยาว 20-60 ซม. ออกที่ปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 1 ซม. กลีบเลี้ยงสีเขียว 4 กลีบ ยาว 2-4 มม. กลีบดอกสีแดง 4 กลีบ รูปไข่กลับ ยาว 1 ซม. บานม้วนกลับ มีกลิ่นหอมเอียน เกสรเพศผู้สีแดง มีจำนวนมาก ยาว 1.5-2.5 ซม.
- ผล: ผลรูปรีแกมขอบขนาน ยาว 3-5 ซม. มีสันคมตามแนวยาว 4 สัน ผิวเกลี้ยง ปลายผลมีกลีบเลี้ยงติดคงทน มีเมล็ดแข็ง 1 เมล็ด
กระโดนน้ำ มีลักษณะคล้าย กระโดน/กระโดนบก (Careya arborea) ที่มักจะขึ้นตามพื้นที่ดอนหรือที่แห้งแล้งกว่า ดอกกระโดนบกจะมีสีขาวอมเขียว กลีบดอกยาว 4-6 ซม. เป็นช่อดอกสั้นและตั้งขึ้นอยู่ตามปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 5-7 ซม. ผลรูปทรงกลม กว้าง 5 ซม. ไม่มีสัน/เหลี่ยม
ประโยชน์
การใช้ประโยชน์ของจิกน้ำ (กระโดนน้ำ) สามารถนำมาเป็นอาหาร โดยใช้ยอดอ่อนและช่อดอกอ่อน รสมันอมฝาดเล็กน้อย กินเป็นผักสด จิ้มน้ำพริก/ป่น แกล้มกับลาบ ก้อย ปิ้งปลา
สรรพคุณ ทางสมุนไพร
- เปลือก: ทุบแช่น้ำ แล้วแช่เท้าลงไป รักษาโรคหอกินเท้า (โรคเท้าเปื่อย น้ำกัดเท้า)
- เปลือก: เคี้ยวแล้วกลืนกินแก้ท้องเสีย
- เปลือก: รสฝาด ต้มดื่ม แก้ท้องเสีย บิด มูกเลือด
- ราก: รักษาโรคมะเร็ง โดยเข้ายากับสมุนไพรอื่น ๆ
- รากหรือเปลือก: ต้มน้ำดื่มเป็นยาระบายอ่อน ๆ หรือใช้แทนควินินได้, เปลือก : ฝนทาแก้แมลงกัดต่อย พอกแผล
การใช้ประโยชน์ในด้านอื่น เช่นใช้เป็นเชื้อเพลิง ไม้ทำฟืนหรือเผาถ่าน, ก่อสร้างหรือเครื่องมือ เนื้อไม้ แปรรูปทำไม้กระดานหรือฝา ใช้ก่อสร้าง หรือทำเฟอร์นิเจอร์ แต่ผุง่ายไม่ทนทาน, แก่น ใช้ทำด้ามปืนแก๊บ, เนื้อไม้ นำมาผ่าเป็นแผ่น ทำเป็นตีนกระติ๊บข้าว
นอกจากนี้ยังสามารถใช้เปลือก ทุบแล้วแช่น้ำให้สีม่วงอมดำ ใช้ย้อมแห ทำให้แหแข็งแรง ทนทาน และยังมีเปลือกหนามีเส้นใยเหนียว ลอกออกมาเป็นแผ่นขนาดใหญ่ แล้วทุบให้นิ่มทำเป็นแผ่นรองนั่งติดบนหลังสัตว์พาหนะ หรือรองใต้แหย่งหลังช้าง (เหมือนกระโดนบก) ใช้เปลือกทุบแล้วเอาไปกวนในน้ำ ใช้เบื่อปลาได้ และสามารถทั้งต้นใช้เป็นอาหารช้างได้