Lazada 4.4

» ลาซาด้า 4.4 ลดสูงสุด 90%*

4 - 6 เมษายน นี้ เท่านั้น! (จำนวนจำกัด)

✓ต้นไม้: คางแมว (ช้องแมว) ลักษณะ การใช้ประโยชน์ สรรพคุณ

คางแมว (ช้องแมว)

ชื่อวิทยาศาสตร์ (ชื่อพฤกษศาสตร์)

คางแมว (ช้องแมว) ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Gmelina asiatica L. จัดเป็นพืชในสกุล Gmelina อยู่ในวงศ์กะเพรา (Lamiaceae) ซึ่งพันธุ์พืชนี้ ทางเราจัดไว้ในกลุ่มสมุนไพร

ชื่อพ้อง (Synonyms)

  • Bignonia discolor A.Rich.
  • Bignonia moluccana DC.
  • Gmelina asiatica f. lobata Moldenke
  • Gmelina asiatica f. parvifolia (Roxb.) Moldenke
  • Gmelina attenuata H.R.Fletcher
  • Gmelina lobata Gaertn.
  • Gmelina paniculata H.R.Fletcher
  • Gmelina parvifolia Roxb.
  • Premna parvifolia Roth
ต้นไม้: คางแมว (ช้องแมว) ลักษณะ ประโยชน์ สรรพคุณสมุนไพร Gmelina asiatica

ชื่อไทย

ชื่อที่เป็นทางการ หรือ ชื่อราชการของพืชชนิดนี้ มีชื่อไทยว่า คางแมว (อ้างอิงจากข้อมูลชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย; เต็ม สมิตินันท์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2557)

ต้นคางแมว มีชื่อสามัญ (ภาษาอังกฤษ) ว่า Oval-leaf Gmelina, Badhara bush, Asiatic beechberry, Asian bushbeech และยังมีชื่ออื่น ๆ ที่เป็นชื่อพื้นเมือง หรือชื่อท้องถิ่น ว่า คางแมว (ภาคกลาง), หนามหนวดแมว (อ.ชุมพวง นครราชสีมา), นมแมว (อ.เมืองยาง นครราชสีมา), ก้างปลา (อ.กันทรารมย์ ศรีสะเกษ, อ.บ้านดุง อุดรธานี), ก้านจาง หนามเล็บแมว (อ.ศรีสงคราม นครพนม), ช้องแมว ซ้องแมว (สกลนคร), กันจาย กันจาง (ส่วย-อ.ท่าตูม สุรินทร์)

นิเวศวิทยา

ต้นคางแมว (ช้องแมว) ในประเทศไทยพบขึ้นตามที่โล่งแจ้งหรือชายป่า ป่าดงดิบ ป่าผลัดใบ หรือป่าบุ่งป่าทาม ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 500 ม.

การกระจายพันธุ์

การกระจายพันธุ์ของคางแมว (ช้องแมว) ในไทยพบได้ง่ายทั่วประเทศ ต่างประเทศพบในภูมิภาคเอเชียใต้ จีนตอนใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

คางแมว (ช้องแมว) ออกดอกเดือนไหน

ต้นคางแมว (ช้องแมว) ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มิถุนายน ผลแก่เดือนพฤษภาคม - กันยายน

ต้นไม้: คางแมว (ช้องแมว) ลักษณะ ประโยชน์ สรรพคุณสมุนไพร Gmelina asiatica

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของคางแมว (ช้องแมว)

  • ลักษณะวิสัย: ไม้พุ่มหรือรอเลื้อย สูงถึง 10 ม.
  • ลำต้น: กิ่งแก่และโคนต้นมีหนามที่เกิดจากกิ่งเก่า (ต้นอายุน้อยขอบใบหยักลึกเป็น 3 แฉก)
  • ใบ: ใบค่อนข้างคล้ายกับต้น ตีนซิ่นเหี้ยน (Glossocarya crenata) มีความแตกต่างที่โคนใบของช้องแมวมักจะเป็นรูปลิ่มหรือแหลม และมีต่อมสีเขียวอ่อน 1-5 จุด เห็นชัดที่ผิวใบด้านบนใกล้โคนใบ
  • ดอก: ช่อดอกแบบกระจุก ยาว 2-4 ซม. มี 1-10 ดอก ที่กลีบเลี้ยงมีต่อมกลมนูนชัดเจน 2-5 ต่อม กลีบดอกสีเหลือง รูประฆัง ยาว 3-5 ซม. ปลายแยก 4 แฉก
  • ผล: ผลเป็นรูปค่อนข้างกลม กว้าง 2-3 ซม. ผิวเรียบ เกลี้ยง มันเงา มีช่องอากาศสีขาวกระจายทั่ว มีกลีบเลี้ยงติดคงทน ผลแก่ไม่แตก เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง-ดำ เนื้อนิ่ม มีเมล็ดเดียว เนื้อแข็ง (ตีนซิ่นเหี้ยน โคนใบมักจะเว้ารูปหัวใจ ไม่พบต่อมสีเขียวอ่อน ช่อดอกมีดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก สีขาว ที่โคนกลีบเลี้ยงไม่มีต่อมกลมนูนใส และผลมีขนาดเล็กกว่ามาก เมื่อแก่แห้งแตก)

ประโยชน์

การใช้ประโยชน์ของคางแมว (ช้องแมว) สามารถนำมาเป็นสมุนไพร

  • เปลือก: ตากแห้ง ต้มน้ำดื่มหรือกินเปลือกสดกับข้าวทุกวัน ใช้กับหญิงมีครรภ์เป็นยาช่วยให้คลอดลูกง่าย
  • ราก: ตากแห้งแล้วต้มน้ำดื่มแก้กินผิดสำแดง/ของแสลง
  • เนื้อผลสด: รักษาน้ำกัดเท้า
  • ผลสด: รักษาโรคผิวหนัง, ใบสดหรือแห้ง : สมานบาดแผล แก้ปวด แก้บวม
  • ตำรับ: ยาบำรุงน้ำนม บำรุงน้ำนม
  • ตำรับ: ยาบำรุงน้ำนม บำรุงน้ำนม ช่วยขับน้ำนม

การใช้ประโยชน์ในด้านการใช้เป็นวัสดุ เนื่องจากเนื้อไม้แข็งแรง ปลวกไม่กิน ใช้ทำเป็นแกนตับหญ้ามุงหลังคา หรือทำเป็นกงสวิง ลอบ ไซ และลักษณะพุ่มของเถาและกิ่งเป็นที่อยู่อาศัยและหลบภัยของปลาในฤดูน้ำหลาก เนื่องจากความรก ระเกะระกะ จึงไม่สามารถหว่านแหหรือเข้าไปวางตาข่ายจับปลาได้

อ้างอิง: มานพ ผู้พัฒน์, ปรีชา การะเกตุ, ขวัญใจ คำมงคล และศรัณย์ จิระกร. 2561. ป่าบุ่งป่าทาม ภาคอีสาน. สำนักงานหอพรรณไม้, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, กรุงเทพฯ.

รายละเอียดเพิ่มเติม