ต้นเฟื่องฟ้า ลักษณะ ใช้ประโยชน์ สรรพคุณ วิธีปลูกให้ออกดอก?
ต้นเฟื่องฟ้า คืออะไร
ต้นเฟื่องฟ้า หรือมีชื่ออื่นว่า ต้นตรุษจีน, ดอกกระดาษ อยู่ในสกุล Bougainvillea วงศ์ Nyctaginaceae ซึ่งจะมีอยู่ 2 ชนิดที่มีลักษณะคล้ายใกล้เคียงกันมาก คือ Bougainvillea glabra (Lesser Bougainvillea) และ Bougainvillea spectabilis (Great Bougainvillea) ซึ่งชื่อวิทยาศาสตร์ ทั้งสองชนิดนี้ ต่างก็มีชื่อเรียกที่เป็นชื่อไทยว่า "เฟื่องฟ้า" ด้วยเหมือนกัน
ต้นเฟื่องฟ้า เป็นไม้ยืนต้น ที่ปลูกได้ไม่ยาก ต้องการแสงแดดมากในสภาพกลางแจ้ง ได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน หากได้รับแสงแดดไม่เพียงพอจะทำให้สีของใบไม่เข้มและจะมีดอกน้อย อุณหภูมิที่ต้องการ ปานกลางหรือร้อนและชื้น
เมื่อโตขึ้นต้องการน้ำปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ หากรดน้ำมากเกินไปก็จะไม่ออกดอก
ประวัติเฟื่องฟ้า
เฟื่องฟ้าถูกค้นพบครั้งแรกในประเทศบราซิลโดยนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศสราว ค.ศ. 1766–1769 และได้ถูกนำไปปลูกยังส่วนต่าง ๆ ของโลก เริ่มจากยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย สำหรับในประเทศไทย มีการนำพันธุ์เฟื่องฟ้าเข้ามาจากสิงคโปร์ครั้งแรกราว ค.ศ. 1880 ในสมัยรัชกาลที่ 5 พันธุ์เฟื่องฟ้าในประเทศไทยมีไม่น้อยกว่าต่างประเทศ เนื่องจากเฟื่องฟ้าเจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทย และกลายพันธุ์เกิดเป็นพันธุ์ใหม่ขึ้นมากมาย
ลักษณะเฟื่องฟ้า
ต้นเฟื่องฟ้า
ต้นเฟื่องฟ้า เป็นไม้ยืนต้นประเภทพุ่มกึ่งเลื้อย ขนาดตั้งแต่พุ่มเล็กถึงพุ่มใหญ่ มีหนามขึ้นตามลำต้นอยู่ ใบเดี่ยว แตกออก สลับกับกิ่ง หรือเยื้องกัน มีขนขึ้นปกคลุมเล็กน้อย มีสีเขียวหรือใบด่าง รูปร่างรีแหลมยาว 3–6 ซม. กว้าง 2–3 ซม. ใบประดับลักษณะคล้ายรูปหัวใจหรือรูปไข่มี 3–5 ใบ มีหลายสี เช่น ม่วง แดง ชมพู ส้ม ฟ้า เหลืองและอื่น ๆ มีทั้งดอกสมบูรณ์เพศและไม่สมบูรณ์เพศ ออกเป็นช่อ ตามซอก ใบหรือปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3 ดอก เป็นหลอดยาว 1–2 ซม.ใบเฟื่องฟ้า
ใบเฟื่องฟ้า เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ รูปรี หรือรูปหัวใจ ปลายใบแหลม โคนใบมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียว ผิวใบเรียบ ใบบาง มีหนามอยู่ตามง่ามใบ มีก้านใบยาวประมาณ 1 เซนติเมตร
ดอกเฟื่องฟ้า
ดอกเฟื่องฟ้า ออกดอกเป็นกระจุกตามซอกง่ามใบ และปลายกิ่งยอด ดอกย่อย 8 – 20 ดอก กลีบประดับรูปไข่ 3 กลีบขึ้นไป ซ้อนกันเป็นรูปถ้วย ปลายแหลม ดอกมีหลายสีสวยงาม ปลายแผ่แบน สีขาวครีม โดยระยะเวลาในการออกดอกของ เฟื่องฟ้า คือตลอดปี ดอกดกช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม
ประโยชน์เฟื่องฟ้า
นอกจากนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ โชว์ดอกสีสันสดใสสวยงามแล้ว ทางประเทศจีนนิยมนำมาใช้เป็นยา คือ ดอกสีม่วง หรือสีแดง ดอกที่เป็นสี ๆ ก็คือใบที่เปลี่ยนสี เรียกว่า ใบดอก มีลักษณะบางคล้ายกับกระดาษ ลักษณะเป็นรูปไข่ปลายแหลม ในหนึ่งดอกจะมีใบดอก 3 ใบเชื่อมติดกัน ใบดอกจะกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตรและยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร มีเกสรเป็นรูปทรงกระบอกสีเขียว
ไม้เลื้อยมีหนาม
ขอเสียของ เฟื่องฟ้า คือการที่กิ่งมีหนาวเล็กๆ และสามารถเลื้อยไปได้ไกลถึง 10 เมตร จึงต้องทำการตัดแต่งกิ่งอยู่เรื่อยๆ โดยลักษณะของทรงพุ่มสามารถตัดแต่งและบังคับทิศทางการเจริญเติบโตได้
ด้านข้อควรระวังอีกอย่างคือ ความเป็นพิษของ เฟื่องฟ้า ในน้ำเลี้ยงที่สามารถก่อให้เกิดผื่นแพ้สัมผัสขั้นรุนแรง คล้ายกับพืชชนิด Toxicodendron
การขยายพันธุ์
เฟื่องฟ้า ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง และเสียบยอด เจริญเติบโตได้ดีในดินปนทรายระบายน้ำดี ชอบความชื้นต่ำและแสงแดดแบบเต็มวัน สำหรับเทคนิคทำให้ต้นออกดอกคือ งดให้น้ำ 5 – 7 วัน ใบจะเริ่มร่วง จากนั้นให้น้ำอย่างเต็มที่ ต้นจะผลิดอกบานสะพรั่ง,กลีบประดับนำมาชุบแป้งทอดกินเป็นของว่างได้