เชื้อไวรัส เอ็นพีวี (NPV) คืออะไร วิธีการใช้ ข้อดี ข้อจำกัด ราคา?

เชื้อไวรัส เอ็นพีวี (NPV) คืออะไร

เชื้อไวรัส เอ็นพีวี หรือ NPV ย่อมาจาก Nucleopolyhedrovirus นิวคลีโอโพลิฮีโดรไวรัส (อังกฤษ: Nuclear Polyhedrosis Virus, NPV) เป็นกลุ่มของไวรัสชนิดแรกที่พบทำให้เกิดโรคกับแมลง โดยเฉพาะกับสัตว์ในไฟลัมสัตว์ขาปล้อง ไม่มีผลต่อระบบสิ่งมีชีวิตอื่นที่เป็นพวกสัตว์มีกระดูกสันหลังหรือพืช

นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม จึงมีการนำไวรัสชนิดนี้มาใช้ในการกำจัดแมลงศัตรูพืชทางการเกษตรเพื่อแก้ปัญหาสารพิษตกค้างและช่วยลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ต่อสุขภาพของตัวเกษตรกรผู้ใช้รวมถึงผู้บริโภคด้วย

ไบรท์เอ็นพีวี ไวรัสเอ็นพีวี NPV

เชื้อไวรัสเอ็นพีวี (Nucleopolyhedro Virus) หรือ NPV ทำลายแมลงศัตรูพืชระยะหนอน โดยเมื่อแมลงศัตรูพืชในระยะหนอนกินเชื้อไวรัส เอ็นพีวีเข้าไป ไวรัสเอ็นพีวีจะทำ ลายอวัยวะต่าง ๆ ของหนอน ทำ ให้หนอนเป็นโรคตายภายใน 5-7 วัน

รายละเอียดเพิ่มเติม

เชื้อไวรัสเอ็นพีวี มีความเฉพาะเจาะจงสูงกับแมลงอาศัย เช่น เชื้อไวรัสเอ็นพีวีของหนอนกระทู้หอม จะทำ ลายเฉพาะหนอนกระทู้หอม เชื้อไวรัสเอ็นพีวีหนอนกระทู้ผัก ทำลายเฉพาะหนอนกระทู้ผักเท่านั้น

ลักษณะอาการของหนอนที่ได้รับไวรัส NPV อาการภายนอกที่สังเกตได้คือหนอนจะลดการกินอาหาร เคลื่อนไหวเชื่องช้าลง ผนังลำตัวมีสีซีดลงหรือลักษณะผนังลำตัวเป็นมัน ลำตัวเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นหรือสีครีม

อาการระยะสุดท้ายหนอนมักจะพยายามไต่ขึ้นส่วนยอดของพืชแล้วเกาะนิ่ง หยุดกินอาหาร และตายในลักษณะ ใช้ขาเทียม 1 คู่ เกาะต้นพืชเอาไว้โดยห้อยหัวและส่วนท้องลงมาลักษณะเป็นรูปตัว V หัวกลับ เมื่อหนอนตาย ผนังลำตัวจะแตกเละและเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว

วิธีการใช้ NPV ชีวภัณฑ์ควบคุมศัตรูพืช

จุดมุ่งหมายที่นำไวรัส NPV สาเหตุโรคแมลงมาใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืช เพื่อเสริมวิธีการป้องกันกำจัด โดยใช้สารเคมี ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันกำจัดที่มีการใช้อยู่จากอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยคาดหวังว่าเมื่อนำเข้ามา ประยุกต์ใช้จะเป็นการช่วยลดปัญหามลภาวะเป็นพิษต่อเกษตรกร และพิษตกค้างบนผลิตผลทางการเกษตร

ปัญหาราคาสารเคมีที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต และปัญหาแมลงสร้างความต้านทานต่อสารเคมี เป็นต้น แต่ไวรัส NPV ก็มีจุดอ่อนในตัวของมันเอง เนื่องจากเป็นสิ่งมีชีวิตจึงต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างมาเกื้อกูล เพื่อช่วยให้การควบคุมได้ผลดี สิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อจำกัดต่อการใช้ไวรัส NPV อย่างมีประสิทธิภาพ

การศึกษาค้นคว้า เพื่อนำข้อดีมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และการศึกษาหาวิธีการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือจุดอ่อนของไวรัสเพื่อ การนำมาใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการนำไวรัส NPV ไปใช้ให้ประสบผลสำเร็จดังเช่น การใช้สารเคมีกำจัดแมลง

ข้อดี ของ เชื้อไวรัส เอ็นพีวี NPV

  1. เป็นชีวินทรีย์ที่มีอยู่ในธรรมชาติ ผ่านการวิวัฒนาการจนปรับตัวสามารถอาศัยแมลงศัตรูพืช เป็นแหล่งแพร่พันธุ์ เป็นผลทำให้ประชากรของแมลงถูกทำลายจนลดจำนวนลงต่ำกว่าระดับที่จะทำความเสียหาย ทางเศรษฐกิจได้
  2. ผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์ พืช และแมลงศัตรูธรรมชาติ
  3. ไม่มีพิษตกค้างสะสมอยู่บนพืชผล จึงมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมน้อยมาก
  4. สามารถนำไปใช้ควบคุมศัตรูพืชได้ 2 ลักษณะ คือ การนำไปใช้กำจัดแมลงศัตรูพืชโดยตรงในรูป ของ microbial insecticide หรือนำไปใช้ในรูปแบบของการควบคุมระยะยาว โดยการปลดปล่อยให้ไวรัส NPV เข้าไปปะปนทำให้เกิดโรคในประชากรของแมลงศัตรูพืช เมื่อประชากรของแมลงศัตรูพืชเพิ่มปริมาณ มากขึ้น สภาพแวดล้อมเหมาะสมที่จะเกิดการระบาดของโรคก็จะเกิดการระบาดขึ้น ซึ่งสามารถลดประชากร แมลงศัตรูพืชได้
  5. เป็นวิธีการป้องกันกำจัดที่เสียค่าใช้จ่ายในการพัฒนาการผลิตถูกกว่าการพัฒนาการผลิตสารเคมีกําจัดแมลง
  6. การสร้างความต้านทานของแมลงต่อการไข้ไวรัส NPV เกิดขึ้นได้ช้ากว่าสารเคมีกำจัดแมลงสังเคราะห์
  7. มีความเฉพาะเจาะจงต่อการเกิดโรคกับแมลงสูงมาก จะทำลายเฉพาะแมลงเป้าหมายเท่านั้น
  8. การใช้ไวรัส NPV เป็นการอนุรักษ์แมลงศัตรูธรรมชาติและแมลงผสมเกสรให้คงอยู่
  9. การนําไวรัส NPV ไปใช้ในแหล่งที่แมลงสร้างความต้านทานต่อสารเคมีกำจัดแมลง จะช่วยลดความ เสียหายจากการทําลายของแมลงศัตรูพืชลงได้

ข้อจํากัด ของ เชื้อไวรัส เอ็นพีวี NPV

  1. ต้องการระยะเวลาในการฟักตัวก่อนที่หนอนเกิดอาการโรคและตาย โดยทั่วไปต้องใช้เวลา 3-7 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุ ขนาดของหนอน ตลอดจนปริมาณไวรัส NPV ที่หนอนกินเข้าไป
  2. การนำไวรัส NPV ไปใช้ ผู้ใช้ต้องศึกษาคำแนะนำวิธีการใช้ไวรัสให้เข้าใจก่อนจึงจะนำไปใช้อย่างได้ผล
  3. สิ่งแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น แสงแดด ชนิด ปริมาณศัตรูพืช ตลอดจนระดับความเสียหาย ทางเศรษฐกิจของพืชนั้นๆ เป็นปัจจัยสำคัญต่อการนำไวรัส NPV ไปใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืชอย่างได้ผล
  4. เกษตรกรคุ้นเคยกับการพ่นสารเคมีกำจัดแมลง ซึ่งเมื่อพ่นแล้วศัตรูพืชจะตายในระยะเวลาอันสั้น จึงมักไม่ยอมรับวิธีการใช้ไวรัส NPV ซึ่งใช้เวลานานกว่าการใช้สารเคมีกำจัดแมลง
  5. อาจใช้ไม่ได้ผลดีกับพืชที่มีระดับความเสียหายทางเศรษฐกิจต่ำ
  6. ไวรัส NPV มีความเฉพาะเจาะจงต่อการเกิดโรคกับแมลงศัตรูพืชสูงมาก คือ จะเกิดโรคเฉพาะกับ แมลงสกุลใดสกุลหนึ่งเท่านั้น จะประสบปัญหามากเมื่อนำไปใช้กับพืชที่มีแมลงศัตรูพืชมากชนิดที่เข้าทำลาย พร้อมๆ กัน
  7. การใช้ไวรัส NPV ให้ได้ผลต้องศึกษาข้อมูลของศัตรูพืชนั้นๆ เป็นอย่างดี เช่น วงจรชีวิต การเข้าทำลาย ระดับความเสียหายทางเศรษฐกิจของพืชนั้นๆ ตลอดจนสภาพทางนิเวศวิทยาของแหล่งที่จะนำไวรัส NPV ไปใช้
  8. ไวรัส NPV สามารถคงอยู่บนต้นพืชในระยะเวลาสั้น และประสิทธิภาพลดลงเนื่องจากถูกรังสี Ultraviolet จากแสงแดดทำลาย ดังนั้นการพ่นไวรัส NPV จึงควรพ่นหลังเวลา 15.00 น. เป็นต้นไป เนื่องจาก มีปริมาณและความเข้มข้นของรังสีค่อนข้างต่ำกว่าในตอนกลางวัน